มันต่างกันยังไง วันนี้ขอเอาความรู้ที่ศึกษาและท
TOUR ISSUE ไม่เหมือนกับ Tour Preferred (TP) นะครับ !!!!!!!!!!
What is Tour Issue Golf Club?
(Tour Issue Golf Club คืออะไร?)
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าไม้ Tour Issue คือ ไม้ที่ Sponsor Brand ดังๆหลากหลายยี่ห้อ เช่น Titleist, Taylormade, Callaway, Ping ฯลฯ ทำไว้ไห้ โปร ใน USPGA Tour, European Tour, Nationwide Tour, Asian Tour และ Tour ใหญ่ๆทั้งหลาย ใช้ในการแข่งขัน โดยไม้ Tour Issue จะมาจาก Tour Van ที่อยู่ในการแข่งขันใหญ่ๆใน PGA Tour ดังรูปด้านล่าง
เรื่องของคุณภาพนั้น แต่ละหัวผ่านการ QC มาอย่างละเอียด ใบเหล็ก และ หัวไม้ Tour Issue ต่างกับที่วางขายในท้องตลาด แบบ สุดๆครับครับ รับประกันได้เลยว่า ไกลกว่า เสียงเพราะกว่า ฟิลลิ่งที่ดีและนุ่มกว่าเวลาเข้
แต่ของ Retail Version จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรหรือตัวเล
NOTE: R11 TP Tour Issue Version 2 จะไม่มี Paint Break
R11 TP Tour Issue Driver Version 1(สังเกต Paint Break ที่คอไม้) Version 2 จะไม่มี Paint Break |
Driver Tour Issue นั้นต้องผ่านกระบวนการที่เรียกว่า COR Test หรือ พูดง่ายๆก็คือ การทดสอบความเด้งของหน้าไม้ เพื่อให้แน่ใจว่าความเด้งของหน้
เนื่องจากคุณภาพที่ดีขั้นเทพแบบ
Tour Issue Golf Club มันดีกว่ายังไงน่ะเหรอ?
TaylorMade Tour Issue แตกต่างจาก TaylorMade Retail ตรงไหน จุดแรกที่สังเก็ตได้ง่ายก็ค
หัว Driver Tour Issue บางตัวอาจ มี สติกเกอร์ บอก Spec ของหัว ตัวอย่างเช่น Superfast 2.0 TP Tour Issue Txxxxx ดังรูปด้านล่าง
ในสติกเกอร์จะบ่งบอกข้อมูล เช่น องศาหน้าไม้ที่แท้จริง (Actual Loft) , Lie, (มุมหน้าไม้)Face Angle, น้ำหนักหัว (Head Weight)
ขนาดหัว ของ Superfast 2.0 TP Tour Issue Txxxxx นี้จะเป็น Paint Break เช่นเดียวกับ R11 TP Tour Issue และที่กลางหน้าไม้จะมี DOT สีขาวๆดังรูปด้านล่าง เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า ได้ผ่านการทำ COR Test มาเรียบร้อยแล้ว
เอกสารที่มาจากโรงหล่อหัวไม้ที่บอก Spec ของ หัวทุกหัว ก่อนที่ Tour Department จะเอาไปทำ COR Testing, Hotmetly, และ หา Sweet Spot |
กรรมวิธีของการทำ Hotmelt นั้นเป็นอย่างไร?
Hotmelt คือ อะไร?
Hotmelt คือ กาวร้อนที่ใช้เพื่อเพิ่มน้ำหนักหัว Driver, Fairway, และ Hybrid เพื่อเพิ่ม SwingWeight แต่ง
Ball Flight เปลี่ยนเสียง impact ลูกที่ไม่พึงประสงค์ อาจจะเป็นเสีบงที่ ทึบเกินไป หรือ ใสเกินไป ซึ่งสามารถสร้างความรู้สึกในรูป แบบ Solid เหมือนเวลา impact ลูกแล้วจะรู้สึกเหมือนดูดลูกกอล์ฟ และ กระเด็นออกไป หรือ อาจจะเป็น เสียงใส ตีแล้วเหมือนกระเด็น ออกไป เวลาลูกโดนหน้าไม้แล้วมันจะเหมือนกระจายๆ หน่อย
โดยปกติแล้ว Tour Van จะ stock หัว Driver, Fairway, และ Hybrid ที่เบากว่าหัว Standard ทั่วไปที่ขายตามท้องตลาด เพื่อที่จะได้ทำการ Hotmelt เพื่อแต่ง Ball flight เช่น Draw Biased , Neutral Biased, และ Fade Biased
ส่วนใหญ่แล้วโปรในทัวร์นั้นจะใช้ Driver ที่มีความยาวที่สั้นกว่าไม้ที่ขายตามท้องตลาด เลยต้องใช้ Hotmelt เพื่อแต่ง Swingweight และ Ball Flight เหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้เพราะว่า ในทุกๆ 1/2 นิ้วที่ก้านไม้โดนตัดให้สั้นลงจะเสีย Swingweight ไป 3 จุด และการที่จะชดเชย Swingweight 3 จุดที่หายไปได้นั้นสามารถทำได้โดยการยิงกาว Hotmelt เข้าไปในหัวได้ ก็จะทำให้ Swingweight กลับมาเท่าเดิม จึงทำให้ Tour Pro สามารถใช้ไม้ที่สั้นลงที่มี Swingweight เท่าเดิม ที่ได้ระยะที่เท่าเดิม หรือ มากกว่า และการควบคุมที่ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น Driver ที่มี Swingweight D2 และมีความยาว 45 นิ้ว ถ้าความยาวถูกตัดลงให้เหลือ 44 1/2 นิ้ว Swingweight จะลดลงเหลือ D0 ทันที แต่การทีทำ hotmelt โดยการยิงกาวร้อนเข้าไป 6 กรัม จะทำให้นักกอล์ฟ สามารถได้ Swingweight เท่าเดิมที่ D2 และจะได้ความรู้สึกที่ดี และ ความสมดุลที่ดี เนื่องจากว่าในหลายๆครั้ง Driver ที่สั้นลง จะทำให้เกิดความแม่นยำในการตีที่ดีขึ้น เพราะเนื่องจากว่าลูกจะหลุดออกไปนอกทิศทางได้ยากขึ้น และถ้าความสมดุลจากการตัดก้านไม่สูญเสียไป จะทำให้ไม่มีการเสียระยะเลย และ ความสมดุลนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มา จากการทำ hotmelt
จากที่ได้กล่าวไว้ในข้งต้น ว่า การทำ hotmelt นั้นสามารถ ปรับเปลี่ยนหรือแต่ง Ball Flight ให้เป็น Draw Biased (ทำให้ตี Draw ง่ายขึ้น), Neutral Biased (ทำให้ลดเสียงและความรู้สึกอันไม่พึงประสงค์ และ ทำให้ตีตรงขึ้น), และ Fade Biased (ทำให้ตี Fade ง่ายขึ้น) แต่ทั้งนี้นั้นจะมากจะน้อยแค่ไหนก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณกาวที่ใช้ยิงเข้าไป
ถ้าหากว่าทำการยิงกาวไว้ในด้านในของหน้าไม้ จะช่วยในการลดเสียงอันไม่พึงประสงค์ ทำให้ได้ Ball Flight ที่ต่ำลงในรูปแบบที่เรียกว่า Low Boring Trajectory คือ ลูกจะพุ่งไปต่ำๆแบบที่ไม่ต่ำจนเกินไป แต่ที่พิเศษกว่า ก็คือ จะลอบไปเรื่อยๆๆ เนื่องจากว่า Center of Gravity(COG) จุดศูนย์ถ่วงจะอยู่ในตำแหน่งที่ สูงขึ้น และ สามารถลดอัตรา Backspin ลงได้ถึง 400-600 rpm จึงทำให้ได้ระยะที่ไกลขึ้นและตกวิ่งมากกว่าเดิม
Picture Reference: http://www.clubmate-golf.com.au |
ถ้าหากว่าทำการยิงกาวไว้ทางด้านหลังของด้านในของหัว จะทำให้ได้ Ball Flight ที่โด่งขึ้น และ Backspin ที่มากขึ้นเล็กน้อย และ จะได้เสียง impact ที่ดังและแน่นขึ้น
ถ้าหากว่าทำการยิงกาวไว้ทางปลายด้านในของหัว (Toe) จะทำให้ได้ Ball Flight ในรุปแบบที่เรียกว่า Fade Biased ทีทำให้เกิดการตีเฟดได้ง่ายขึ้น ที่ไม่ทำให้เสียระยะ และ ไม่เลี้ยวจนเกินไป
Picture Reference: http://www.clubmate-golf.com.au |
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าหัวแต่ละหัวจะถูกทำการ ยิงกาวในรุปแบบไหน เพื่อให้เหมาะกับโปรคนใด และขั้นตอนทั้งหมดนี้จะทำในTour Van ทั้งสิ้น
แล้วทำไม Tour Issue Golf Club มันถึงแพง?
ไม่มีขายตามท้องตลาด และ เป็นไม้ที่เรียกได้เลยว่า เกรดดีกว่ามากๆ เนื่องจากว่าไม้ Tour Issue นั้นใช้วัสดุที่ดีกว่าตัว Retail ซึ่งเป็น ไทเทเนียม ที่แช็งแรงและทนทานกว่า และ ไทเทเนียมนี้จะหนากว่าโลหะที่ใช้ทำไม้ Retail เพียงเล็กน้อย เหตุผลก็เพราะว่า ไม้ Tour Issue นั้นสร้างมาเพื่อให้ โปรในทัวร์ใช้ ซึ่งโดยปกติแล้วโปรในทัวร์จะมีการซ้อมตีลูกกอลืฟที่หนัก และ เยอะกว่า นักกอล์ฟทั่วๆไป และไม้ Tour Issue สามารถรองรับการตีลูกกอล์ฟเป็น พันๆลูกได้ ซึ่งสามารถรองรับการตีได้มากกว่าไม้ Retail ที่ไม่สามารถรองรับการใช้งานได้มากขนาดนั้น ในเรื่องของความรู้สึกเวลา imapct นั้นต่างอย่างเทียบไม่ได้เลยจริงๆครับ
แล้วทำไมทางบริษัท ไม่ทำของดีๆแบบนี้มาให้พวกเราใช้กันบ้างล่ะ?
ทางผู้เชี่ยวชาญหั
TXXXXX Serial ที่บ่งบอกว่า เป็น Taylormade Tour Issue Head |
เพิ่มเติมเกี่ยวกับ R11 TP Tour Issue:
R11 TP Driver ในท้องตลาดทั่วไป จะมีองศาหน้าไม้ให้เลือกแค่: 9*, 10.5*
R11 TP Tour Issue Driver จะมีองศาหน้าไม้ตั้งแต่: 8*, 9*, 10.5*
R11 TP Fairway Woods ในท้องตลาดทั่วไป จะมีองศาหน้าไม้ให้เลือกแค่: T3=14*, 3 = 15*, 4 = 17*, 5 = 19*, 7 = 22*
R11 TP Tour Issue Fairway Woods จะมีองศาหน้าไม้ตั้งแต่: T2 = 13*, T3=14*, 3 = 15*, 4 = 17*, 5 = 19*, 7 = 22*
RBZ Prototype Tour Issue Txxxxx 9.5*
ตัวนี้เป็น Driver ตัวใหม่ที่ออกมาใน ปี 2012 ลักษณะของตัวนี้ที่เป็น Tour Issur RBZ นั้น ผมลองแล้วพูดได้คำเดียวว่า ที่ทาง Taylormade โฆษณาไว้ว่า "Insane Distance Gain" หรือ ที่เราอาจจะเรียกกันว่า "ไกลขึ้นแบบงงๆ ไกลแบบบ้าระห่ำ" อันนี้เรื่องจริงครับ ผมได้ลองตีเปรียบเทียบกันตัว Prototype ที่เป็น Retail Version แล้วผมบอกได้เลยว่า RBZ Tour Issue Prototype นั้น Solid กว่าเยอะ เป็นยังไงเหรอครับ? ความรู้สึกเวลา Impact มันจะหนักแน่นมาก เหมือนกับว่า มันจับกันเป็นลูกๆอยู่กลางหน้าไม้ สามารถรู้สึกถึงลูกกอล์ฟได้แบบทั้งลูก ทั้งเวลาที่ตีโดนเต็มหน้าไม้ และ เวลาที่ Miss Hit !!! หรือตีโดนเต็มหน้าไม้ครับ
ตัวนี้เป็นตัวที่พัฒนามาจาก Superfast TP 2.0 สามาถเพิ่มระยะให้ไกลขึ้นได้ถึง 17-21 หลา !!!!
วันนี้เอาความรู้ส่วนหนึ่งม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น