Welcome !!!!!

ยินดีต้อนรับสู่ Pro Sarkay Tour Issue Golf ครับ เรามีไม้กอล์ฟ Tour Issue จากหลากหลายยี่ห้อ ส่งตรงมาจาก Tour Department นะครับ พร้อมทั้งรับทำ Custom Fitting ได้ ถ้าหากท่านนักกอล์ฟท่านใดต้องการ หาไม้กอล์ฟ หรือ อุปกรณ์กอล์ฟตัวใดเป็นพิเศษ ทั้ง Tour Issue และ Retail Version และ อุปกรณ์กอล์ฟอื่นๆ อย่างลังเลที่จะติดต่อเข้ามานะครับ เราจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อตอบสนองท่านนะครับ

โปร แอ๊งค์ 0612626635

Learn Perfect Golf Swing HERE !!!!!

RotarySwing.com Golf Instruction Online

วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เรื่องของ Nippon Modus3


Nippon N.S. Pro Modus3



GEOFF OGILVY กับก้าน Nippon Prototype ORA



SERGIO GARCIA กับก้าน Nippon Prototype 2G18
เมื่อหลายปีก่อน Nippon ผลิตก้านเหล็กที่เน้นเพื่อตอบโจทย์นักกอล์ฟสมัครเล่นเป็นหลัก โดยเน้นการที่เบาและมีการดีดค่อนข้างมาก เช่น NS PRO 850/ NS PRO 950/ NS PRO 1150 ซึ่งโดยส่วนตัวผม ณ เวลานั้นเราก็เป็นคนที่ตีค่อนข้างแรง เราจึงไม่ชอบก้านเหล่านี้เพราะมันค่อนข้างโด่ง และ สปินเยอะ จึงไม่ค่อยชอบ ยี่ห้อนี้สักเท่าไรในเวลานั้น
ในช่วง กรกฎาคม 2009 เป็นช่วงที่มีโปรใน PGA TOUR เริ่มหันมาใช้ ก้าน Nippon กันมากขึ้นเพราะ ตอนนั้น Nippon ต้องการที่จะหันไปจับตลาด กลุ่มนักกอล์ฟฝีมือดี และ โปร และ ตอนนั้นเอง จึงเริ่มมี ตัวก้าน Nippon Prototype แถบสีแดงออกมา ซึ่งถูกใช้โดย Sergio Garcia  และ Geoff Ogilvy แต่ก็ไม่มีข้อมูลมากในช่วงนั้น เพียงแต่เรารู้แค่ว่ามันเป็น ก้าน ต้นแบบ






ในปี 2013  Nippon ได้ทำก้านร่นใหม่เพื่อตอบโจทย์นักกอล์ฟฝีมือดี และ ทัวร์โปร โดยการเอาจุดบอดของก้านแต่ละรุ่นที่มีในตลาด มารวมเข้าในตัวนี้ และได้เปิดตัวสู่ตลาดในชื่อ N.S. Pro Modus3
โดยใช้วัสุที่เรียกว่า "Spring Steel Alloy"  คุณลักษณะก้านเหล็กรุ่นนี้ แตกต่างและไม่เหมือนใครเลยจริงๆ เมื่อเทียบกับก้านเหล็กทุกรุ่น ทุกยี่ห้อที่มีอยู่ในตลาด เพราะ วัสดุที่ใช้ก็ เป็นวัสดุที่ ไม่มียี่ห้อไหนเลยที่นำมาใช้ในก้านเหล็กของ N.S. Pro Modus3 ที่แตกต่างจากก้านรุ่นอื่นๆในท้องตลาดคือ 
มีปลายก้านที่แข็งมาก แต่ กลางก้าน และ ก้นก้านที่ นุ่มและ อ่อนตัวลง (Loss of Stiffness near the butt and long stiff tip) ซึ่งมันจะช่วยทำให้ การบิดตัวของหน้าไม้นั้นมีน้อย แต่มีการดีด ที่ให้ความนุ่มนวล ที่วิถีที่ง่ายต่อการตี เวลาที่ตีกดจัดๆ บอลจะไม่ค่อยแหก และ บอลลูน

ซึ่ง N.S. Pro Modus3 ในตลาดจะมีรุ่นดังนี้ครับ

N.S. Pro Modus3 Tour 120

 
อย่างที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นนะครับว่า ก้านรุ่นนี้มีข้อดีคือ "ปลายก้านแข็ง กลางก้านนุ่ม

การที่มีช่วงปลายก้านที่แข็ง (Stiff Tip Section) และ มี Taper section ที่ยาว จะส่งผลต่อความแม่นยำ และ วิถีบอลที่ทะลุทะลวง และ ลดสปินอันไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี และง่ายต่อการแต่งช๊อต และ Shape Shot

การที่ช่วงกลางก้านนุ่ม (Softer Mid Section) จะทำให้ก้านนี้เป็นก้านที่ตีง่ายทั้งชุดตั้งแต่เหล็กสั้นถึงเหล็กยาว จึงเหมาะกับนักกอล์ฟที่มีจังหวะการสวิงทุกรูปแบบ

การที่ช่วงก้นก้านนุ่ม (Softer Butt Section)
จะทำให้ได้ความรู้สึกที่นุ่มนวล และ ง่ายต่อการควบคุมจังหวะตี


ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะให้วิถีลูกแบบ Low/Mid Launch ซึ่งเป็นตัวที่นักกอล์ฟระดับโลกนิยมหันมาใช้กันมากและประสบความสำเร็จไล่ๆกับ Dynamic Gold และ Project X แล้วตอนนี้
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Henrik Stenson และ Susan Petterson เป็นต้น


ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบก้านรุ่นนี้มากๆครับ จากการที่ผมได้ลองก้านเหล็กมาแล้ว เกือบทุกรุ่นในตลาด ผมค้นพบว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์ การแอพโพชที่ผมตามหามาตลอดครับ ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องของการตีเหล็กยาวมากๆ แต่เมื่อผมมาตี N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex มันได้เปลี่ยนการตีเหล็กของผมไปอย่างถาวรครับ ผมถอด Hybrid ออกและนำเหล็ก 3 และ เหล็ก 4 กลับมาใช้ เพราะมันให้วิถีที่คล้ายๆกันครับ

สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับก้านนี้มากๆเลยคือ ไม่ต้องใช้ความพยามในการตีมากครับ ห่างเกินจากการซ้อมไปกลับมาก็ตีได้ครับ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก็คือ เรื่องของการ คุมไฟลท์บอล และ การแต่งช็อต  ก่อนหน้านี้ ผมใช้ Dynamic Gold Tour Issue X100 ซึ่งเป็นก้านที่ดีครับ แต่ถ้าแรงตกเมื่อไรผมไม่สามารถ สู้กับก้านนี้ได้จริงๆ แต่พอมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมบอกเลยว่าผมสามารถเล่นกับมันได้ หลายๆวัน หลายๆรอบครับ และ สำหรับผม N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ง่ายต่อการแต่งช็อตมากครับ

ฟีลลิ่ง "แหล่ม" การตี "ซิ่ง" มากครับ

ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 120 เหมาะกับใคร?


ก้านรุ่นนี้เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีรูปแบบการสวิง แบบ Early Release และต้องการลดสปินในการตีเหล็กแต่ยังคงรักษาให้บอลลอยได้ง่ายๆ เพราะมันจะให้วิถีบอลที่ต่ำ ถึง ปานกลางครับ


ทำไมถึงต้องเล่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ไม่แข็งเหรอ?

เนื่องจาก ลักษณะของก้านนี้ เป็นก้านที่ "ปลายก้านแข็ง กลางก้านนุ่ม" มันจึงมีลักษณะที่อ่อนกว่าปกติ หนึ่ง Flex เมื่อเทียบกับก้านรุ่นอื่นๆในตลาด ก่อนหน้านี้ ผมได้ใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex มาอยู่ราวๆ 1 ปีกว่า ใส่กับใบ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version ซึ่งมันเป็นก้านที่ตีง่ายครับ แต่สปินนั้นค่อนข้างเยอะไปนิด และ เสียการควบคุมไปเล็กน้อย พอเปลี่ยนมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ระยะเพิ่มขึ้น และ เข้าเป้ามากกว่าเดิม แต่ความง่ายก็เหมือนเดิม
ถ้าจะให้ผมพูดถึงความแข็งของ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมว่ามันเหมือน S300 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ
ส่วน N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex ผมว่ามันเหมือน S200 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ

Henrik Stenson - แชมป์ Race to Dubai และ Fed Ex Cup 2013
Susan Petterson






 N.S. Pro Modus3 Tour 130

 ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 130 รุ่นนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120
 อย่างแรกเลยคือ ก้านรุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะเป็นก้านที่มี น้ำหนักมากกว่า 10 กรัม และก้านนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างจากรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 อย่างสิ้นเชิง  และ Torque จะต่ำกว่า ซึ่งรุ่นนี้จะเป็น "ปลายก้านนุ่ม กลางก้านแข็ง "


การที่มีช่วงปลายก้านที่นุ่ม (Softer Tip Section) จะส่งผลให้วิถีลูกโด่งขึ้น ลอยง่ายขึ้น โดยที่ยังคงรักษาความเร็วของลูกบอลไว้
 การที่ช่วงกลางก้านแข็ง (Harder Mid Section) จะทำให้ความรู้สึกที่หนักแน่น และ ถ่ายเทพลังเข้าลูกได้หนักหน่วง โดยที่ก้านไม่เสียการคุมคุมและทรง

การที่ช่วงก้นก้านเข็ง (Harder Butt Section) จะช่วยเรื่องของ Timing และจังหวะการสวิง และ ฟีลที่ไม่กระด้างเวลาเข้าปะทะบอล


 สำหรับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่นีกกอล์ฟระดับโลกนิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบใช้ Project X มาก่อน
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Sergio Garcia, Geoff Ogilvy, Marc Leishman และ Jarrod Lyle เป็นต้น

Marc Leishman

Sergio Garcia










ผมได้ลองใส่ก้านตัวนี้กับใบเหล็กที่ผมตีอยู่ คือ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้เลยคือ ลักษณะก้านตัวนี้ คนละเรื่องกับ N.S. Pro Modus3 Tour 120 เลยครับ เพราะ ตัวนี้จะรู้สึกตึงๆมือ เหมือน Project X และ KBS C-Taper แต่จะมีการดีเล็กๆน้อย บอลจะออกทื่อๆ แบบ Project X และ KBS C-Taper ไม่ค่อยมีจังหวะการฉีดเวลาเหินเท่าไร แต่สิ่งที่มันเแตกต่างกับ Project X และ KBS C-Taper คือ มันให้ความนุ่มนวลมากกว่า และ เหล็กยาว ตีง่ายกว่า 


ฟีลลิ่งก้านตัวนี้ "แหล่ม" อีกเช่นกันครับ แต่ถ้าเทียบกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะรู้สึกหนักกว่านิดนึงครับ ฟีลลิ่งการดีดเวลาเข้าปะทะนี่ แน่นๆแต่ไม่กระด้าง ไฟลทบอลเวลาออกนั้น ลอยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ

ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 130 เหมาะกับใคร?


 สำหรับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 เป็นก้านที่สร้างมาเพื่อ สำหรับคนที่ชอบก้านตระกูล Counter-Balanced อย่าง Project X และ KBS C-Taper แต่ต้องการความง่าย และ นุ่มนวล ซึ่งก้านนี้เหมาะกับ นักกอล์ฟที่เป็นกลุ่ม Late Releaser และ คนที่มีปัญหาตีบอลไม่ลอย หรือ ต่ำเกินไป จะทำให้บอลลอยง่ายขึ้น และ สปินเพิ่มขึ้นครับ


N.S. Pro Modus3 Tour 125 SYSTEM 3



ก้านรุ่นนี้เป็น รุ่นล่าสุด ของตระกูล N.S.Pro Modus3 จริงๆแล้วก้านรุ่นนี้ออกมาตั้งแต่ ปี 2014 ในตลาดเอเชีย เป็นก้านที่นิยมมากในหมู่ โปรกอล์ฟใน Japan Tour ก้านรุ่นนี้มีเทคโนโลยีพิเศษที่เรียกว่า Multi Heat Technology (MHT)

ก้านรุ่นนี้อยู่ระหว่าง รุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 และ N.S. Pro Modus3 Tour 120 ดูจากตัวเลขแล้วอาจจะดูว่าเป็นก้านที่หนักแต่จริงๆแล้ว เมื่อนำก้านมาตัดตามสเปค น้ำหนักของก้านจะเหลือ เพียง 120 กรัม เท่านั้น ซึ่งไม่ได้หนักอะไรเลย แต่สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วๆไปอาจจะหนัก พอสมควร แต่ไม่ถึงกับหนักมากนัก 

ลักษณะของก้านตัวนี้ จะออกไปทาง Dynamic Gold แต่จะมีปลายก้านที่แข็งกว่า เมื่อเทียบกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวิถีลูกที่ต่ำ

Multi Heat Technology (MHT)

เทคโนโลยีพิเศษของ N.S. Pro Modus3 Tour 125 SYSTEM 3 นี้เป็นเทคโนลียีที่ทำให้ก้านนี้โดดเด่นมาก ถ้าเราสังเกตุจากรูปด้านบนเราจะเห็นว่า บริเวณก้นก้าน (Butt Section) นั้นจะทำการเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความหนาของผนัง และ เพิ่มความแข็ง เพื่อให้เกิดการควบคุมที่ง่าย
เช่นเดียวกันกับช่วงปลายก้าน (Tip Section) ที่ถูกทำให้เป็นในลักษณะเดียวกันเพื่อลดสปินอันไม่พึงประสงค์ และ จะปล่อยให้ช่วงกลางก้าน (Mid Section) ให้นุ่ม เพื่อให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล และรองรับวงสวิงทุกๆรูปแบบ ถ้าพูดง่ายๆ มันก็คือ Dynamic Gold ที่ตีลอยง่าย นุ่มมือ และ นิ่งกว่าครับ



ตัวนี่้เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่ผมได้ลองแล้ว บอกได้เลยว่ามัน คือ Dynamic Gold ที่นุ่มนวลและตีง่ายกว่ามาก

N.S. Pro Modus3 Tour 105
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 รุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวกับ Nippon Prototype ST เป็นก้านที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆกับ NS PRO 1050 จะมีช่วงก้นก้าน (Butt Section) ที่นุ่มนวล และ ปลายก้าน (Tip Section) ที่แข็งกว่า เมื่อเทียบกับ. NS PRO 1050 จะให้วิถีบอลที่ทะลุทะลวง แบบ ไม่ต่ำจนเกินไป เป็น วิถีปานกลาง ซึ่งสามารถตอบโจทย์นักกอล์ฟได้หลายกลุ่มมาก ซึ่งตัวนี้จะให้วิถีบอลที่ต่ำกว่า Modus 120 
ก้านตัวนี้มี น้ำนหักเบา จึงง่ายต่อการเร่งสปีด

ตอนที่ผมลองทดสอบตีก้านนี้ โดยการใช้ Flex X บอกเลยว่า ไม่แข็งครับ มีการดีด และ ให้ความนุ่มนวลที่สม่ำเสมอมาก น้ำหนักที่หายไปราวๆ 20 กรัม จาก น้ำหนักก้านเหล็กทั่วๆไป ไม่ได้ทำให้ก้านนี้เสียสมดุล หรือ รู้สึก โหวงแต่อย่างใด

ผมได้ลองก้านตัวนี้ กับ ใบที่ผมใช้อีกเช่นเคยครับ คือ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version สิ่งหนึ่งที่จับไม้ก่อนตีและรับได้เลยคือ น้ำหนักรวมที่เบาลงไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย จากการที่ตีทดสอบ ทั้ง เหล็ก 3 เหล็ก 5 เหล็ก 7 และ PW ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นก้านที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและลอยง่ายมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบใช้ไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำนหัก ผมจึงคิดว่ามันเบา และค่อนข้างลอยไปพอสมควร แต่ข้อดีของมันคือ ลอย แต่สู้ลมได้เป็นอย่างดี ครับ 

ถ้าท่านใดกำลังตามหาก้านเหล็กที่ มีน้ำหนักเบา ลอยง่าย และ ให้ความนุ่นนวล ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 ตอบโจทย์มากครับ


Bill Haas
 นักกอล์ฟระดับโลกที่ใช้ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 ที่ประสบความสำเร็จมากๆคือ Karrie Webb, Bo Van Pelt และ Bill Haas เป็นต้น

Karrie Webb

ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 125 และ N.S. Pro Modus3 Tour 105 เหมาะกับใคร?



ก้านทั้ง 2 รุ่นนี้ เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องการความรู้สึกก้านที่คล้ายๆ KBS TOUR กับ Dynamic Gold ที่มีความนุ่มนวลกว่า และ ตีสบายกว่า จะให้วิถีปานกลาง และ สปินที่ไม่มากและน้อยจนเกินไป



N.S. Pro Modus3 WEDGE

เมื่อพูดถึงก้านชุดเหล็กไปแล้ว หลายๆคนก็มักจะถามหาว่า "แล้วก้านเวจจะใส่ไรดีอะ ที่จะให้มันเข้ากันทั้ง set?" คำตอบ คือ ตัวนี้เลยครับ N.S. Pro Modus3 WEDGE รุ่นนี้เป็นก้านเวจ รุ่นล่าสุดที่เพิ่งออกสู่ตลาดมาเมื่อปี 2015 โดยผ่านการทดสอบในทัวร์มาแล้ว ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่วก่อนหน้านี้ Nippon ได้ทำก้านเวจออกมารุ่นหนึ่งที่มีชื่อว่า N.S. Pro WV ซี่งเป็นก้านที่ทำพิเศษเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของเวจโดยเฉพาะ จากการทดสอบใน PGA TOUR ทั่วโลก และ นักกอล์ฟสมัครเล่นติดต่อกันมา หลายปี Nippon ได้พบว่า ปัญหาขอเวจ ที่นักกอล์ฟเจอ คือ "วิถีลูกที่โด่งเกินไป เวลาที่ตีขึ้นกรีน กับ จังหวะการดีดอันไม่พึงประสงค์เวลาที่เล่นลูกข้างกรีน ซึ่งทำให้เกิดความยากในการกะน้ำหนัก" 

เพราะเหตุนี้เอง Nippon จึงรวมข้อผิดพลาดทั้งหมดและ ทำก้านรุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ และ เติมเต็มข้อด้อยทั้งหมดของการเล่นเวจที่ได้กล่าวไปครับ โดยการปรับผนังก้านเหล็ก (Wall Thickness) และ ใช้ เทคโนโลยี MHT ทีได้กล่าวไปในก่อนหน้านี้ ถ้าได้ใช้แล้ว เวลาตีขึ้นกรีนด้วยเวจ

 !!!!!! บอลจะต่ำลง แน่นอนครับ !!!!!!

ก้านรุ่นนี้มีออกมาทั้งหมด 3 สเปค คือ (ตามรูปด้านล่าง)

N.S. Pro Modus3 WEDGE 105
N.S. Pro Modus3 WEDGE 115
N.S. Pro Modus3 WEDGE 125 

จากการที่ผมได้ลองใช้ ผมว่า มันเหมือนเอาข้อดีของก้าน  Project X และ Dyanamic Gold และ KBS Tour มาผสมรวมกันจนได้ก้านนี้ออกมา จากการที่ลองโยนข้างกรีน และ แอพโพช และ เล่นจากในทราย นั้น ผมบอกได้คำเดียวว่าให้ สปินที่ดีมากๆ และ บอลไม่โด่งจนเกินไปเวลาาตีช๊อตขึ้นกรีน
วิถีบอลต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ ก้าน Project X และ Dyanamic Gold และ KBS Tour 

ความรู้สึกที่ก้านนี้ให้เวลาจับบนมือ มันเหมือนก้าน  Project X ที่น้ำหนักอยู่ใกล้มือ ทำให้เรากะน้ำหนักได้ง่าย และมีจังหวะการดีด และ สปิน เหมือน Dyanamic Gold และ KBS Tour ซึ่งผมว่ามันตอบโจทย์ใครได้หลายๆคน 

เวลาเล่นลูกสั้นกับก้านนี้ ไม่ต้องรอจังหวะดีดมากครับ มันจะมีจังหวะเข้าลูกที่ลงตัวของมันแบบบอกไม่ถูก ยิ่งเวลาเราต้องการที่จะเล่นลูก พิช แบบพุ่งๆติดสปินนี่ ก้านนี้เล่นได้ง่ายมากครับ มีความเสถียร แน่น และ ไม่กระด้างมือเวลาเข้าปะทะบอล ครับ 

ดังนั้น เรื่องของก้านเวจ เราไม่ควรที่จะมองข้ามครับ เพราะมันมีผลมากๆถึงมากที่สุดกับการเล่นลูกสั้นของเรา 


ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของก้าน ตระกูล Nippon N.S. Pro Modus3 ครับ ผมเชื่อว่ามันน่าจะเป็นก้านที่หลายๆท่านตามหามาเพื่อเติมเต็มการเล่นกอล์ฟของท่านกันอยู่เพื่อให้ ง่ายขึ้น และ ทำสกอร์ได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาเราเลือกก้านเหล็กอย่าดูแต่ Spec Sheet อย่างเดียวนะครับ ควรจะหาลอง หรือ ปรึกษาผู้รู้ก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน เพราะถ้าเลือกถูกมันจะทำให้ท่านจบกันการโมดิฟายเหล็กครับ

ขอให้ทุกท่านสนุกกับการใช้ก้าน  Nippon N.S. Pro Modus3 ใครที่คิดว่าก้านเหล็กในตลาดทั่วไปตียาก ก้านเหล็กรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้แน่นอนครับ







วันศุกร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2555

Review: Matrix Ozik HD Program Iron Shafts

Matrix Ozik Program

          โดยปกติแล้วก้านที่ใช้ใส่เหล็กนั้น หลายๆท่านรวมทั้ง โปรในทัวร์ทั้งหลาย ต่างให้ความสำคัญกับความแน่นอนของการตีในแต่ละช๊อต มากกว่า ระยะที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโปรใน PGA Tour ส่วนใหญ่ต่าง ไว้วางใจและเลือกใช้ก้านเหล็ก เช่น True Temper Dynamic Gold, True Temper Dynamic Gold Tour Issue, True Temper Project X, KBS C-Taper เป็นต้น นักกอล์ฟหลายๆท่านรวมทั้งโปร ต่างหลีกเลี่ยงที่จะใช้ก้าน กราไฟท์ในชุดเหล้กเนื่องจากว่า ก้านกราไฟท์นั้นความแน่นอนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับก้านเหล็ก แต่ข้อดีก็คือ สำหรับท่านที่มีวงสวิงที่ไม่เร็ว จะสามารถทำให้เพิ่มระยะได้ 




        ถึงแม้ว่าก้านเหล็กนั้นจะมีความนิ่งและแม่นยำสูงก็จริง แต่ในทางกลับกันถ้าหากตีไม่โดน กลางหน้าไม้ ส่วนใหญ่จะสะท้านขึ้นตัวเลย ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอาการบาดเจ็บในระยะยาวได้ แต่ในวันนี้ บริษัทก้านไม้กอล์ฟที่ชื่อว่า Matrix มีก้านใส่เหล็กรุ่นหนึ่งที่ เรียกได้ว่าเป็นก้านกราไฟท์ที่ใส่เหล็กที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งในเรื่องของ ระยะ วิถีลูก ความแน่นอน ความง่ายในการตี และ ไม่สะท้านเข้าตัวเลย ซึ่งเป็นการชดเชยความผิดพลาดได้ดี  ก้านรุ่นนี้มีชื่อว่่า Matrix Ozik HD Program 

         ก้าน Matrix Ozik HD Program เรียกได้ว่าเป็นก้านที่แม่นยำที่สุดในโลก และ แม่นยำยิ่งกว่าก้านเหล็กในท้องตลาดทั่วไปเสียอีก และ โปรใน PGA TOUR บางคนนั้นเริ่มที่จะสลับมาใช้ก้านตัวนี้แล้ว เช่น Ryan Moore เป็นต้น
Ryan Moore กับ ก้าน Matrix Ozik HD Program 130 X Flex 7.0

         ลักษณะของก้าน Matrix เป็นก้าน High Launch / High Spin  ซึ่งจะเหินสูงกว่า ตีง่ายกว่า และ สปินเยอะกว่า เมื่อเทียบกับก้านเหล็กทั่วไปตามท้องตลาด ซึ่งการสปินที่เยอะกว่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อชดเชยในเรื่องของกฎร่องหน้าไม้ใหม่ที่บังคับใช้ V Groove แถมยังมีหน้าตาที่ ขาว สวย น่าตี มากครับ 

        การทดสอบความนิ่งของก้านใส่เหล็ก ในท้องตลาดนั้นทาง Matrix ได้ทำการทดสอบโดยการนำหุ่นยนต์ที่ใช้ทดสอบไม้กอล์ฟที่มีความแม่นยำในการลงไม้ และ impact บอลแบบเกือบ 100% มาใช้ในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ของก้าน Matrix Ozik Program และ ก้านเหล็กอื่นๆ โดยใช้เหล็ก 5 ในการตี โดยก่อนการทดสอบนั้นหุ่นยนต์จะถูกตรวจเช็คอย่างละเอียดถึง 3 ครั้ง เพื่อความแม่นยำในการทดสอบ ซึ่งผลที่ได้นั้นเป็นไปตามรูปด้านล่างเลยครับ


รูปทางซ้าย (1): ผลการทดสอบวัดในเรื่องของ มุมเหิน และ สปิน
รูปทางขวา (2): ผลการทดสอบวัดในเรื่องของ ความแม่นยำ และ การกระจายตัวห่างจากเป้าหมาย ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง

          ถ้าท่านสังเกตุดูดีๆจาก ภาพประกอบทางซ้าย จะเห็นได้ชัดเลยว่า ก้าน Matrix Ozik Program นั้นมีมุมเหินที่สูงกว่า (26.5 - 27 องศา) และ อัตราการสปินที่เยอะกว่า (7,500 - 8,000 RPM) อีกทั้งยังมีความเสถียรของของอัตราสปิน และ มุมเหิน กว่า เมื่อเปรียบเทียบกับ ก้านเหล็กที่มีความเสถียรของอัตราสปิน และ มุมเหิน ที่น้อยกว่า เราจะสังเกตุเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ก้านเหล็กนั้น มีมุมเหินที่อยู่ในช่วงที่กระจายมากกว่า และ ในบางลูกของการทดสอบก้านเหล็กนั้น ต่อให้มีมุมเหินที่สูงกว่า ไม่ได้แปลว่าลูกนั้นจะมีสปินที่เยอะกว่า พูดง่ายๆก็คือ เวลาตีก้านเหล็กต่อให้ดีบอลโด่ง ก็ไม่ได้เป็นตัวการันตีว่า บอลนั้นจะตกหยุดครับ
         
          คราวนี้เรามาดูที่ภาพประกอบทางขวา ท่านนักกอล์ฟจะเห็นได้ชัดเลยว่า ก้าน Matrix Ozik Program นั้นมีความแม่นยำที่มากกว่าก้านเหล็ก ถ้าลองสังเกตุดูในภาพทางขวาดู จะเห็นได้ชัดเลยว่า ก้านเหล็กนั้น จะออกไปทางขวาออกเป้าหมายเป็นหลักถึงแม้ว่าจะมีแนววิถีที่เกาะกลุ่มกันก็ตาม ก็ยังไม่เกาะกลุ่มและเข้าใกล้เป้าหมาย เท่ากับ ก้าน Matrix Ozik Program ซึ่งมีมุมเหิน อัตราการสปิน และ การเข้าใกล้เป้าหมายที่แน่นอนกว่า ก้านเหล็กครับ



         จากที่ผมได้ไปทดลองมานั้น ทำให้ผมเข้าใจได้เลยว่า สิ่งที่ทาง  Matrix พูดนั้นเป็นความจริง โดยที่ผมนำ ก้าน Matrix HD Program 130 Flex X ไปใส่กับ เหล็ก Tour Issue Callaway X Prototype Red Dot ใบแบบเดียวกับที่ Ernie Els ใช้  ดังรูปด้านล่าง



      สำหรับผลการทดสอบนั้น ต้องบอกก่อนว่าในช่วงแรกๆที่ตีนั้นตีแทบไม่โดนเลยครับ เหตุผลก็เพราะว่า มุมลงของก้านกราไฟท์และก้านเหล็กนั้นไม่เหมือนกัน จึงใช้เวลาปรับตัวประมาณ 20 ลูกจึงเริ่มเจอมุมลง สิ่งที่ได้เมื่อตีโดนเต็มใบก็คือ มันให้ความรู้สึกที่ไม่มีคำว่ากระด้างเลยแม้แต่นิดเดียว มันนุ่มสบาย แต่รู้สึกได้เลยกว่าก้านนั้นนิ่ง และ มีบางช๊อตที่เข้าไม่เต็มหน้าไม้ ก็อย่างที่ทาง Matrix  ได้อธิบายสรรพคุณไว้ คือ ไม่มีสะท้านเข้าตัวเลยแม้แต่นิดเดียวครับ เวลาที่ผิดพลาดลูกจะไม่มี หักคอ หรือ บานปลาย แบบหน้าเกลียด แต่จะเป็นทรงที่เลี้ยวนิดๆ ประมาณ 5-10 หลา จากเป้าหมายครับ ซึ่งแน่นอนถ้าเป็นกรีน ถ้าเราเล็งกลางกรีนก็คงหลุดไปแค่ Fringe แน่นอน 

        ในเรื่องของวิถีบอลนั้นผมได้ทดสอบการออกของลูกโดยกำหนดจุดเล็งในอากาศไว้ จุดหนึ่ง สิ่งที่ได้พบก็คือ ลูกออกไปในทางเดียวกันเยอะมา อย่างที่ทาง Matrix  ได้อธิบายสรรพคุณ ไว้อีกเช่นกันครับ เหล้กที่ผมใช้ทดสอบนั้น เป็นเหล็ก 6 ลักษณะที่ลูกออกไป นั้นจะออกโด่งว่าเล็กน้อย แต่ไม่มากจนเกินไป บอลที่ออกไปจะออกไปเฉื่อยๆทั้งทาง ซึ่งเราเห็นแล้วรู้เลยสปินเยอะกว่า และ ตกหยุดอย่างแน่นอน ระยะนั้นไม่มีเสีย และ ผลลัพธ์ที่ได้คือ "นิ่งกว่าก้านเหล็กแน่นอนครับ"

       ส่วนการทดสอบในภาคสนามนั้น ผมได้ค้นพบว่า เวลาที่เจอลมแรงๆนั้น ก้านตัวนี้หลังจากตีออกไปแล้วบอลนั้นนิ่งมาก บอลสามารถแหวกอากาศได้ดี ไม่ปลิวตามลมมากเท่าไร อีกทั้งยังง่ายต่อการแต่งช๊อตอีกด้วยครับ จากประสบการณ์ของผมที่เคยตีก้านกราไฟท์ ที่ใส่เหล็กตัวอื่นๆ เวลาที่ผมจะตี เฟต หรือ ดรอว์ นั้น ค่อนข้างที่จะควบคุมได้ยาก เนื่องจากว่าก้านกราๆฟท์ตัวอื่นๆที่เคยลองกับเหล็กนั้น มีการดีดตัวที่ค่อนข้างจะสูงกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ลุกโด่งจนเกินไป และ เลี้ยวเยอะเกินไปกว่าที่เราต้องการครับ

สำหรับ Spec ของ ก้าน Matrix Ozik HD Program นั้น มีทั้ง Parallel Tip (0.370) และ Taper Tip (0.355) มีทั้งก้านชุดเหล็ก และ Wedge 95 และ 130 ซึ่งสามารถดูได้จากตารางด้านล่างครับ


Ozik HD Program Iron Shafts 3-PW




ก้าน Tour Issue ต่างกับ ก้าน Retail ยังไง?

      โดยปกติแล้ว ก้านไม้กอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดๆก็ตามจะถูกผลิตออกมาทีหลายพันเส้นใน สายการผลิต
ข้อแตกต่างของก้าน Tour Issue ที่แต่ละบริษัทก้าน ทำและส่งให้ โปรในทัวร์ใช้ ก็คือ

      ก้านที่ทำและส่งให้โปรในทัวร์ใช้นั้น จะเป็นก้านที่มีมวล Graphite ที่ดีและหนาแน่นกว่า ถึงแม้ว่าก้านนั้น เป็นรุ่นและยี่ห้อเดียวกับที่มีขายในท้องตลาดก็ตาม

      นอกจากนี้ ก้านที่ทำและส่งให้โปรในทัวร์ใช้นั้น จะถูกวัดค่า CPM Frequency มาได้แม่นยำมากกว่าในท้องตลาด เช่น ก้านที่เป็น Flex X นั้น CPM จะอยู่ในช่วงค่าที่เหมาะสมที่จะเป็น Flex X แบบเม่นยำ แต่ก้านที่เป็นรุ่นเดียวกันและยี่ห้อเดียวกันกับในท้องตลาดนั้น บางตัวอาจจะเป็น Flex X ที่มีค่าที่ไม่แน่นอน ซึ่งบางตัวเมื่อนำมาวัดแล้ว Flex ที่แท้จริงอาจอยู่ในช่วงค่า ของ Flex S หรือ Flex XX ก็เป็นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ว่าจะโชคดีเจอก้านที่มี ค่า Flex ที่พอดี หรือ ไม่พอดีกับที่ท่านต้องการหรือเปล่านะครับ


สนใจสั่งซื้อ หรือ มีคำถาม ติดต่อมาได้นะครับ โปร แอ๊งค์ 081-868-9993


ตัวที่ผมสามารถสั่งได้นั้นเป็น ก้าน TOUR ISSUE ทั้งหมดเลยนะครับ !!!!

วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

Review: New 2012 Mitsubishi Rayon Shafts

 New 2012 Mitsubishi Rayon Shafts 


KURO KAGE

          ถ้าพูดถึงยี่ห้อก้านที่มีชื่อเสียง หนึี่งในนั้นคงจะหนีไม่พ้น Mitsubishi Rayon Shaft ครับ เพราะก้านของเขาแต่ละตัวที่ออกมาในตลาดนั้นต้องพูดได้เลยว่า ของเขาดีจริงๆครับ เมื่อปีก่อน ก้านที่ออกมาและเป็นที่นิยมกันมาก ที่มาจากในกลุ่ม Diamana ก็คือ Diamana Ahina, Diamana illima, Diamana Kailli, และ Diamana Alislei ซึ่งก้านเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อผู้เล่นที่มีความต้องการที่หลากหลาย ทั้งเรื่องของ ระยะ และ ความนิ่ง อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่หนักแน่นอีกด้วย 

           ในปี 2012 นี้ Mitsubishi Rayon Golf นั้นได้ปล่อยก้านออกมาอีก 3 ตัว คือ Diamana X, Fubuki K-Series, และ Mitsubishi Kuro Kage (อ่านว่า "คุโรคาเกะ" ครับ)

Mitsubishi Diamana X
ก้าน Mitsubishi Diamana X 70 Flex XX ที่ผมได้ทดลองมาครับ


           เป็นก้าน Limited Edition ที่ทำมาเพียงแค่ 5,000 เส้นในโลกเท่านั้นครับ !!!!!!! ทำจาก 78t High Grade Carbon Sheet ก้านรุ่นนี้คือก้านที่ Premium และ เกรดดีที่สุดที่ Mitsubishi Rayon Golf เคยผลิตมา เหมาะสำหรับท่านนักกอล์ฟที่มี ความเร็ววงสวิงที่ค่อนข้างสูง เช่น โปร หรือ Hitter ที่ต้องการระยะและความนิ่งเป็นพิเศษครับ ก้านตัวนี้เป็นก้านที่มี ค่า Torque ต่ำที่สุดที่ Mitsubishi เคยผลิตมาที่ 2.2 และเป็นตัวเดียวที่สามารถลด Side Spin ได้อย่างน่าตกใจครับ

            จากการที่ผมได้ทดลองมา คือ Diamana X 70 Flex XX ลักษณะของก้านตัวนี้เป็นก้าน Mid/High Kick ผมนำมาใส่ลองกับ R11S Tour Issue Txxxxx เวลาถือในมือและจรดไม้นั้น จะให้ความรู้สึกที่หนืดๆตึงๆ เมื่อลองตีแล้วนิ่งมากๆถึงมากที่สุดครับ บอลต่ำกว่าอย่างเห็นได้ชัด วิถีเป็นแบบ Low Boring Trajectory คือ ลอยไม่สูงมาก แต่ลอยไปเรื่อยๆ และ ตกวิ่งครับ เรียกได้ว่าเจอลมแรงๆนี่ทำอะไรไม่ได้แน่นอนครับ ความรู้สึกนั้นตึงแต่ไม่ตึงมากขนาดตียาก เวลาเข้าปะทะบอลจะออกค่อนข้างหนืดและ Solid เลยทีเดียว เนื่องจากว่า Torque ก้านนั้นต่ำมากถึง 2.2 แต่ข้อดีก็คือว่า เวลาตีไม่เข้ากลางหน้าไม้นั้นไม่สะท้านขึ้นตัวเลยครับ สำหรับท่านนักกอล์ฟพวก Hitter ถ้าสามารถโหลดก้านได้เต็มที่รับรองครับ ไกลแน่นอน จุดเด่นที่สังเกตุได้ชัดคือ วิ่งเยอะ และ นิ่งสุดๆเลยครับ

            ท่านใดที่เป็นสาวกก้าน Mitsubishi หรือ ก้าน Premium นั้นไม่ควรพลาดครับ ส่วน Spec ของก้าน Mitsubishi Diamana X นั้น สามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้ครับ


Mitsubishi Kuro Kage



            
            ตัวต่อมานี้ เป็นตัวที่ผมเพิ่งเปลี่ยนมาใช้อยู่เป็นหลัก ใส่ กับ Driver R11S Tour Issue Txxxxx ครับ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วเป็นก้านที่ผมชอบมาก และ เป็นตัวเดียวกับที่ Rickie Fowler, Carl Petterson และผู้เล่นอีกหลายๆคนใน PGA Tour เปลี่ยนมาใช้ครับ ใช้ครับ

            ลักษณะของก้านตัวนี้ เป็นก้าน Mid/High Kick Mid Launch/Mid Spin เป็นก้านที่ตีลอยง่าย และ บอลไม่โด่งจนเกินไป เวลาถือในมือและจรด จะเหมือนว่าก้านตัวนี้หนืดแต่ไม่มาก แต่พอเข้าปะทะบอลแล้ว ความรู้สึกหนืดๆนุ่มๆโปร่ง และ ไม่กินแรงครับ สามารถยืนระยะได้ถึง 18 หลุมได้อย่างสบายๆ และไม่มีสะท้านเข้าตัวเวลาที่ ตีไม่เข้ากลางหน้าไม้ ในขณะเดียวกันลูกจะไม่มี Balloon หรือ เกี่ยวซ้าย หรือ บานขวา เลยครับ แต่จะออกพุ่งไปทางซ้ายตรงๆ หรือ พุ่งไปทางขวาตรงๆเสียมากกว่า เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายน้อยมากครับ ผลจากการทดลองก้านตัวนี้ผมสามารถเพิ่มระยะขึ้นได้อีก 20 หลา !!!!!! และที่สำคัญ เนื่องจากว่าก้านตัวนี้นั้นค่อนข้างนิ่ง จึงง่ายต่อการแต่งช๊อตครับ

           เทคโนโลยีของก้านตัวนี้เป็นตัวที่ล้ำกว่ารุ่นก่อนๆมาก โดยเพิ่มจำนวน Carbon Fiber ลงไปในก้านรุ่นนี้อีก 15% และลดจำนวน Resin ลงถึง 20% เมื่อ เทีบกกับรุ่นก่อนๆซึ่งมีจำนวน Resin ถึง 33% ผลที่ได้ก็คือ จะได้ความนิ่งพร้อมกับความรู้สึกที่นุ่มลงเป็นพิเศษครับ ส่วน Spec ของก้าน Mitsubishi Kuro Kage นั้นสามารถดูได้จากตารางด้านล่างครับ


 Mitsubishi Fubuki K-Series



            ตัวนี้ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่ผมใช้อยู่ ใส่กับ RBZ Tour Issue Tour Fairway ซึ่งผมว่ามันเป็นอะไรที่ สมน้ำสมเนื้อกันมากครับ  เป็นตัวเดียวกับที่ Martin Kaymer, Phil Mickelson,  Matt Bettencourt และ โปรคนอื่นๆใช้อยู่ในทัวร์ครับ ลักษณะก้านตัวนี้คือ High Launch/Low Spin เหินสูง สปิต่ำ แครี่ไกล ตกวิ่ง ซึ่งเมื่อนำมาใส่กับ Fairway แล้วทำให้ตีง่ายขึ้นกว่าเดิมเลยทีเดียว แต่ตัวนี้เป็นก้านอีกตัวหนึ่งที่นิ่งมากครับ ให้ความรู้สึกตึงๆหนืดๆ แต่ไม่กินแรงเท่าไรครับ เวลาเข้าปะทะบอลนั้นรู้สึกเหมือนหน้าไม้นั้นดูดบอลไว้แล้วค่อยปล่อยกระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูง ตีแล้วได้วิถีบอล ค่อนค้าง Penetrate และ เหินสูงแบบไม่มีเกินไปครับ ข้อแตกต่างจากตัวที่ผมใช้ก่อนหน้านี้ (Tour AD SF 8 X) ก็คือ ลูกจะตีลอยง่ายกว่า ความเร็วของบอลแรงดีทั้งทาง และ ได้ระยะแครี่ที่ดีกว่าครับ ลอยนานกว่า และ ตกวิ่งเยอะกว่าครับ และ เป็นอีกตัวหนึ่งที่ไม่มี Balloon และ เลี้ยวน่าเกลียด แน่นอนครับ

           ก้านตัวนี้ถูกพัฒนาต่อมาจาก Mitsubishi Fubuki Alpha α และ Fubuku Tour ที่มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Modulus Differential Technology (M.D.T) และ พัฒนาแกนกลางด้านในของก้าน (Ninja Core) ซึ่งจะทำให้รักษาทรงกลมของก้านไว้ให้ไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อเจอความเร็วในขณะเข้าปะทะบอลครับ


SHAFT
NAME
FLEX
GRADE
LENGTH
inches
WEIGHT
grams
TIP OD
inches
TIP //
inches
TORQUE
degrees
KICK PT.
Fubuki K 50R46540.3353.04.5MID/HIGH
Fubuki K 50S46560.3353.04.4MID/HIGH
Fubuki K 60R46610.3353.03.8MID/HIGH
Fubuki K 60S46630.3353.03.7MID/HIGH
Fubuki K 60X46660.3353.03.6MID/HIGH
Fubuki K 70S46720.3353.03.3MID/HIGH
Fubuki K 70X46740.3353.03.2MID/HIGH


ก้าน Tour Issue ต่างกับ ก้าน Retail ยังไง?

โดยปกติแล้ว ก้านไม้กอล์ฟ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดๆก็ตามจะถูกผลิตออกมาทีหลายพันเส้นใน สายการผลิต
ข้อแตกต่างของก้าน Tour Issue ที่แต่ละบริษัทก้าน ทำและส่งให้ โปรในทัวร์ใช้ ก็คือ

ก้านที่ทำและส่งให้โปรในทัวร์ใช้นั้น จะเป็นก้านที่มีมวล Graphite ที่ดีและหนาแน่นกว่า ถึงแม้ว่าก้านนั้น เป็นรุ่นและยี่ห้อเดียวกับที่มีขายในท้องตลาดก็ตาม

นอกจากนี้ ก้านที่ทำและส่งให้โปรในทัวร์ใช้นั้น จะถูกวัดค่า CPM Frequency มาได้แม่นยำมากกว่าในท้องตลาด เช่น ก้านที่เป็น Flex X นั้น CPM จะอยู่ในช่วงค่าที่เหมาะสมที่จะเป็น Flex X แบบเม่นยำ แต่ก้านที่เป็นรุ่นเดียวกันและยี่ห้อเดียวกันกับในท้องตลาดนั้น บางตัวอาจจะเป็น Flex X ที่มีค่าที่ไม่แน่นอน ซึ่งบางตัวเมื่อนำมาวัดแล้ว Flex ที่แท้จริงอาจอยู่ในช่วงค่า ของ Flex S หรือ Flex XX ก็เป็นได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ว่าจะโชคดีเจอก้านที่มี ค่า Flex ที่พอดี หรือ ไม่พอดีกับที่ท่านต้องการหรือเปล่านะครับ


สนใจสั่งซื้อ หรือ มีคำถาม ติดต่อมาได้นะครับ โปร แอ๊งค์ 081-868-9993


ตัวที่ผมสามารถสั่งได้นั้นเป็น ก้าน TOUR ISSUE ทั้งหมดเลยนะครับ !!!!