SERGIO GARCIA กับก้าน Nippon Prototype 2G18 |
ในช่วง กรกฎาคม 2009 เป็นช่วงที่มีโปรใน PGA TOUR เริ่มหันมาใช้ ก้าน Nippon
กันมากขึ้นเพราะ ตอนนั้น Nippon ต้องการที่จะหันไปจับตลาด
กลุ่มนักกอล์ฟฝีมือดี และ โปร และ ตอนนั้นเอง จึงเริ่มมี ตัวก้าน Nippon
Prototype แถบสีแดงออกมา ซึ่งถูกใช้โดย Sergio Garcia และ Geoff Ogilvy
แต่ก็ไม่มีข้อมูลมากในช่วงนั้น เพียงแต่เรารู้แค่ว่ามันเป็น ก้าน ต้นแบบ
ในปี 2013 Nippon ได้ทำก้านร่นใหม่เพื่อตอบโจทย์นักกอล์ฟฝีมือดี และ ทัวร์โปร โดยการเอาจุดบอดของก้านแต่ละรุ่นที่มีในตลาด มารวมเข้าในตัวนี้ และได้เปิดตัวสู่ตลาดในชื่อ N.S. Pro Modus3
โดยใช้วัสุที่เรียกว่า "Spring Steel Alloy" คุณลักษณะก้านเหล็กรุ่นนี้ แตกต่างและไม่เหมือนใครเลยจริงๆ เมื่อเทียบกับก้านเหล็กทุกรุ่น ทุกยี่ห้อที่มีอยู่ในตลาด เพราะ วัสดุที่ใช้ก็ เป็นวัสดุที่ ไม่มียี่ห้อไหนเลยที่นำมาใช้ในก้านเหล็กของ N.S. Pro Modus3 ที่แตกต่างจากก้านรุ่นอื่นๆในท้องตลาดคือ
โดยใช้วัสุที่เรียกว่า "Spring Steel Alloy" คุณลักษณะก้านเหล็กรุ่นนี้ แตกต่างและไม่เหมือนใครเลยจริงๆ เมื่อเทียบกับก้านเหล็กทุกรุ่น ทุกยี่ห้อที่มีอยู่ในตลาด เพราะ วัสดุที่ใช้ก็ เป็นวัสดุที่ ไม่มียี่ห้อไหนเลยที่นำมาใช้ในก้านเหล็กของ N.S. Pro Modus3 ที่แตกต่างจากก้านรุ่นอื่นๆในท้องตลาดคือ
มีปลายก้านที่แข็งมาก แต่ กลางก้าน และ ก้นก้านที่ นุ่มและ อ่อนตัวลง (Loss of Stiffness near the butt and long stiff tip) ซึ่งมันจะช่วยทำให้ การบิดตัวของหน้าไม้นั้นมีน้อย แต่มีการดีด ที่ให้ความนุ่มนวล ที่วิถีที่ง่ายต่อการตี เวลาที่ตีกดจัดๆ บอลจะไม่ค่อยแหก และ บอลลูน
ซึ่ง N.S. Pro Modus3 ในตลาดจะมีรุ่นดังนี้ครับ
N.S. Pro Modus3 Tour 120
N.S. Pro Modus3 Tour 120
อย่างที่ได้กล่าวไปเบื้องต้นนะครับว่า ก้านรุ่นนี้มีข้อดีคือ "ปลายก้านแข็ง กลางก้านนุ่ม"
การที่มีช่วงปลายก้านที่แข็ง (Stiff Tip Section) และ มี Taper section ที่ยาว จะส่งผลต่อความแม่นยำ และ วิถีบอลที่ทะลุทะลวง และ ลดสปินอันไม่พึงประสงค์ได้เป็นอย่างดี และง่ายต่อการแต่งช๊อต และ Shape Shot
การที่ช่วงกลางก้านนุ่ม (Softer Mid Section) จะทำให้ก้านนี้เป็นก้านที่ตีง่ายทั้งชุดตั้งแต่เหล็กสั้นถึงเหล็กยาว จึงเหมาะกับนักกอล์ฟที่มีจังหวะการสวิงทุกรูปแบบ
การที่ช่วงก้นก้านนุ่ม (Softer Butt Section) จะทำให้ได้ความรู้สึกที่นุ่มนวล และ ง่ายต่อการควบคุมจังหวะตี
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะให้วิถีลูกแบบ Low/Mid Launch ซึ่งเป็นตัวที่นักกอล์ฟระดับโลกนิยมหันมาใช้กันมากและประสบความสำเร็จไล่ๆกับ Dynamic Gold และ Project X แล้วตอนนี้
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Henrik Stenson และ Susan Petterson เป็นต้น
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบก้านรุ่นนี้มากๆครับ จากการที่ผมได้ลองก้านเหล็กมาแล้ว เกือบทุกรุ่นในตลาด ผมค้นพบว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์ การแอพโพชที่ผมตามหามาตลอดครับ ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องของการตีเหล็กยาวมากๆ แต่เมื่อผมมาตี N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex มันได้เปลี่ยนการตีเหล็กของผมไปอย่างถาวรครับ ผมถอด Hybrid ออกและนำเหล็ก 3 และ เหล็ก 4 กลับมาใช้ เพราะมันให้วิถีที่คล้ายๆกันครับ
สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับก้านนี้มากๆเลยคือ ไม่ต้องใช้ความพยามในการตีมากครับ ห่างเกินจากการซ้อมไปกลับมาก็ตีได้ครับ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก็คือ เรื่องของการ คุมไฟลท์บอล และ การแต่งช็อต ก่อนหน้านี้ ผมใช้ Dynamic Gold Tour Issue X100 ซึ่งเป็นก้านที่ดีครับ แต่ถ้าแรงตกเมื่อไรผมไม่สามารถ สู้กับก้านนี้ได้จริงๆ แต่พอมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมบอกเลยว่าผมสามารถเล่นกับมันได้ หลายๆวัน หลายๆรอบครับ และ สำหรับผม N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ง่ายต่อการแต่งช็อตมากครับ
ฟีลลิ่ง "แหล่ม" การตี "ซิ่ง" มากครับ
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 120 เหมาะกับใคร?
ก้านรุ่นนี้เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีรูปแบบการสวิง แบบ Early Release และต้องการลดสปินในการตีเหล็กแต่ยังคงรักษาให้บอลลอยได้ง่ายๆ เพราะมันจะให้วิถีบอลที่ต่ำ ถึง ปานกลางครับ
ทำไมถึงต้องเล่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ไม่แข็งเหรอ?
เนื่องจาก ลักษณะของก้านนี้ เป็นก้านที่ "ปลายก้านแข็ง กลางก้านนุ่ม" มันจึงมีลักษณะที่อ่อนกว่าปกติ หนึ่ง Flex เมื่อเทียบกับก้านรุ่นอื่นๆในตลาด ก่อนหน้านี้ ผมได้ใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex มาอยู่ราวๆ 1 ปีกว่า ใส่กับใบ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version ซึ่งมันเป็นก้านที่ตีง่ายครับ แต่สปินนั้นค่อนข้างเยอะไปนิด และ เสียการควบคุมไปเล็กน้อย พอเปลี่ยนมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ระยะเพิ่มขึ้น และ เข้าเป้ามากกว่าเดิม แต่ความง่ายก็เหมือนเดิม
ถ้าจะให้ผมพูดถึงความแข็งของ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมว่ามันเหมือน S300 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ
ส่วน N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex ผมว่ามันเหมือน S200 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Henrik Stenson และ Susan Petterson เป็นต้น
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบก้านรุ่นนี้มากๆครับ จากการที่ผมได้ลองก้านเหล็กมาแล้ว เกือบทุกรุ่นในตลาด ผมค้นพบว่ารุ่นนี้ตอบโจทย์ การแอพโพชที่ผมตามหามาตลอดครับ ที่ผ่านมาผมเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องของการตีเหล็กยาวมากๆ แต่เมื่อผมมาตี N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex มันได้เปลี่ยนการตีเหล็กของผมไปอย่างถาวรครับ ผมถอด Hybrid ออกและนำเหล็ก 3 และ เหล็ก 4 กลับมาใช้ เพราะมันให้วิถีที่คล้ายๆกันครับ
สิ่งที่ผมชอบเกี่ยวกับก้านนี้มากๆเลยคือ ไม่ต้องใช้ความพยามในการตีมากครับ ห่างเกินจากการซ้อมไปกลับมาก็ตีได้ครับ อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบมาก็คือ เรื่องของการ คุมไฟลท์บอล และ การแต่งช็อต ก่อนหน้านี้ ผมใช้ Dynamic Gold Tour Issue X100 ซึ่งเป็นก้านที่ดีครับ แต่ถ้าแรงตกเมื่อไรผมไม่สามารถ สู้กับก้านนี้ได้จริงๆ แต่พอมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมบอกเลยว่าผมสามารถเล่นกับมันได้ หลายๆวัน หลายๆรอบครับ และ สำหรับผม N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ง่ายต่อการแต่งช็อตมากครับ
ฟีลลิ่ง "แหล่ม" การตี "ซิ่ง" มากครับ
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 120 เหมาะกับใคร?
ก้านรุ่นนี้เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีรูปแบบการสวิง แบบ Early Release และต้องการลดสปินในการตีเหล็กแต่ยังคงรักษาให้บอลลอยได้ง่ายๆ เพราะมันจะให้วิถีบอลที่ต่ำ ถึง ปานกลางครับ
ทำไมถึงต้องเล่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ไม่แข็งเหรอ?
เนื่องจาก ลักษณะของก้านนี้ เป็นก้านที่ "ปลายก้านแข็ง กลางก้านนุ่ม" มันจึงมีลักษณะที่อ่อนกว่าปกติ หนึ่ง Flex เมื่อเทียบกับก้านรุ่นอื่นๆในตลาด ก่อนหน้านี้ ผมได้ใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex มาอยู่ราวๆ 1 ปีกว่า ใส่กับใบ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version ซึ่งมันเป็นก้านที่ตีง่ายครับ แต่สปินนั้นค่อนข้างเยอะไปนิด และ เสียการควบคุมไปเล็กน้อย พอเปลี่ยนมาใช้ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ระยะเพิ่มขึ้น และ เข้าเป้ามากกว่าเดิม แต่ความง่ายก็เหมือนเดิม
ถ้าจะให้ผมพูดถึงความแข็งของ N.S. Pro Modus3 Tour 120 TX Flex ผมว่ามันเหมือน S300 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ
ส่วน N.S. Pro Modus3 Tour 120 X Flex ผมว่ามันเหมือน S200 แต่นิ่งและนุ่มนวลกว่ามากครับ
Henrik Stenson - แชมป์ Race to Dubai และ Fed Ex Cup 2013 |
N.S. Pro Modus3 Tour 130
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 130 รุ่นนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120
อย่างแรกเลยคือ ก้านรุ่นนี้เมื่อเทียบกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะเป็นก้านที่มี น้ำหนักมากกว่า 10 กรัม และก้านนี้จะมีลักษณะที่แตกต่างจากรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 อย่างสิ้นเชิง และ Torque จะต่ำกว่า ซึ่งรุ่นนี้จะเป็น "ปลายก้านนุ่ม กลางก้านแข็ง "
การที่มีช่วงปลายก้านที่นุ่ม (Softer Tip Section) จะส่งผลให้วิถีลูกโด่งขึ้น ลอยง่ายขึ้น โดยที่ยังคงรักษาความเร็วของลูกบอลไว้
การที่ช่วงกลางก้านแข็ง (Harder Mid Section) จะทำให้ความรู้สึกที่หนักแน่น และ ถ่ายเทพลังเข้าลูกได้หนักหน่วง โดยที่ก้านไม่เสียการคุมคุมและทรง
การที่ช่วงก้นก้านเข็ง (Harder Butt Section) จะช่วยเรื่องของ Timing และจังหวะการสวิง และ ฟีลที่ไม่กระด้างเวลาเข้าปะทะบอล
สำหรับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่นีกกอล์ฟระดับโลกนิยมใช้กันมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบใช้ Project X มาก่อน
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Sergio Garcia, Geoff Ogilvy, Marc Leishman และ Jarrod Lyle เป็นต้น
ตัวอย่างโปรระดับโลกที่ใช้แล้ว ประสบความสำเร็จ ได้แก่ Sergio Garcia, Geoff Ogilvy, Marc Leishman และ Jarrod Lyle เป็นต้น
Marc Leishman |
Sergio Garcia |
ผมได้ลองใส่ก้านตัวนี้กับใบเหล็กที่ผมตีอยู่ คือ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version สิ่งหนึ่งที่ผมบอกได้เลยคือ ลักษณะก้านตัวนี้ คนละเรื่องกับ N.S. Pro Modus3 Tour 120 เลยครับ เพราะ ตัวนี้จะรู้สึกตึงๆมือ เหมือน Project X และ KBS C-Taper แต่จะมีการดีเล็กๆน้อย บอลจะออกทื่อๆ แบบ Project X และ KBS C-Taper ไม่ค่อยมีจังหวะการฉีดเวลาเหินเท่าไร แต่สิ่งที่มันเแตกต่างกับ Project X และ KBS C-Taper คือ มันให้ความนุ่มนวลมากกว่า และ เหล็กยาว ตีง่ายกว่า
ฟีลลิ่งก้านตัวนี้ "แหล่ม" อีกเช่นกันครับ แต่ถ้าเทียบกับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 120 จะรู้สึกหนักกว่านิดนึงครับ ฟีลลิ่งการดีดเวลาเข้าปะทะนี่ แน่นๆแต่ไม่กระด้าง ไฟลทบอลเวลาออกนั้น ลอยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 130 เหมาะกับใคร?
สำหรับรุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 เป็นก้านที่สร้างมาเพื่อ สำหรับคนที่ชอบก้านตระกูล Counter-Balanced อย่าง Project X และ KBS C-Taper แต่ต้องการความง่าย และ นุ่มนวล ซึ่งก้านนี้เหมาะกับ นักกอล์ฟที่เป็นกลุ่ม Late Releaser และ คนที่มีปัญหาตีบอลไม่ลอย หรือ ต่ำเกินไป จะทำให้บอลลอยง่ายขึ้น และ สปินเพิ่มขึ้นครับ
N.S. Pro Modus3 Tour 125 SYSTEM 3
ก้านรุ่นนี้อยู่ระหว่าง รุ่น N.S. Pro Modus3 Tour 130 และ N.S. Pro Modus3 Tour 120 ดูจากตัวเลขแล้วอาจจะดูว่าเป็นก้านที่หนักแต่จริงๆแล้ว เมื่อนำก้านมาตัดตามสเปค น้ำหนักของก้านจะเหลือ เพียง 120 กรัม เท่านั้น ซึ่งไม่ได้หนักอะไรเลย แต่สำหรับนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วๆไปอาจจะหนัก พอสมควร แต่ไม่ถึงกับหนักมากนัก
ลักษณะของก้านตัวนี้ จะออกไปทาง Dynamic Gold แต่จะมีปลายก้านที่แข็งกว่า เมื่อเทียบกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวิถีลูกที่ต่ำ
Multi Heat Technology (MHT)
เทคโนโลยีพิเศษของ N.S. Pro Modus3 Tour 125 SYSTEM 3 นี้เป็นเทคโนลียีที่ทำให้ก้านนี้โดดเด่นมาก ถ้าเราสังเกตุจากรูปด้านบนเราจะเห็นว่า บริเวณก้นก้าน (Butt Section) นั้นจะทำการเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มความหนาของผนัง และ เพิ่มความแข็ง เพื่อให้เกิดการควบคุมที่ง่าย
เช่นเดียวกันกับช่วงปลายก้าน (Tip Section) ที่ถูกทำให้เป็นในลักษณะเดียวกันเพื่อลดสปินอันไม่พึงประสงค์ และ จะปล่อยให้ช่วงกลางก้าน (Mid Section) ให้นุ่ม เพื่อให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล และรองรับวงสวิงทุกๆรูปแบบ ถ้าพูดง่ายๆ มันก็คือ Dynamic Gold ที่ตีลอยง่าย นุ่มมือ และ นิ่งกว่าครับ
ตัวนี่้เป็นอีกตัวหนึ่ง ที่ผมได้ลองแล้ว บอกได้เลยว่ามัน คือ Dynamic Gold ที่นุ่มนวลและตีง่ายกว่ามาก
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 รุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวกับ Nippon Prototype ST เป็นก้านที่ให้ความรู้สึกคล้ ายๆกับ NS PRO 1050 จะมีช่วงก้นก้าน (Butt Section) ที่นุ่มนวล และ ปลายก้าน (Tip Section) ที่แข็งกว่า เมื่อเทียบกับ. NS PRO
1050 จะให้วิถีบอลที่ทะลุทะลวง แบบ ไม่ต่ำจนเกินไป เป็น วิถีปานกลาง
ซึ่งสามารถตอบโจทย์นักกอล์ฟได้ หลายกลุ่มมาก ซึ่งตัวนี้จะให้วิถีบอลที่ต่ำกว่า Modus 120
ก้านตัวนี้มี น้ำนหักเบา จึงง่ายต่อการเร่งสปีด
ตอนที่ผมลองทดสอบตีก้านนี้ โดยการใช้ Flex X บอกเลยว่า ไม่แข็งครับ มีการดีด และ ให้ความนุ่มนวลที่สม่ำเสมอมาก น้ำหนักที่หายไปราวๆ 20 กรัม จาก น้ำหนักก้านเหล็กทั่วๆไป ไม่ได้ทำให้ก้านนี้เสียสมดุล หรือ รู้สึก โหวงแต่อย่างใด
ผมได้ลองก้านตัวนี้ กับ ใบที่ผมใช้อีกเช่นเคยครับ คือ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version สิ่งหนึ่งที่จับไม้ก่อนตีและรับได้เลยคือ น้ำหนักรวมที่เบาลงไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย จากการที่ตีทดสอบ ทั้ง เหล็ก 3 เหล็ก 5 เหล็ก 7 และ PW ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นก้านที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและลอยง่ายมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบใช้ไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำนหัก ผมจึงคิดว่ามันเบา และค่อนข้างลอยไปพอสมควร แต่ข้อดีของมันคือ ลอย แต่สู้ลมได้เป็นอย่างดี ครับ
ถ้าท่านใดกำลังตามหาก้านเหล็กที่ มีน้ำหนักเบา ลอยง่าย และ ให้ความนุ่นนวล ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 ตอบโจทย์มากครับ
ก้านตัวนี้มี น้ำนหักเบา จึงง่ายต่อการเร่งสปีด
ตอนที่ผมลองทดสอบตีก้านนี้ โดยการใช้ Flex X บอกเลยว่า ไม่แข็งครับ มีการดีด และ ให้ความนุ่มนวลที่สม่ำเสมอมาก น้ำหนักที่หายไปราวๆ 20 กรัม จาก น้ำหนักก้านเหล็กทั่วๆไป ไม่ได้ทำให้ก้านนี้เสียสมดุล หรือ รู้สึก โหวงแต่อย่างใด
ผมได้ลองก้านตัวนี้ กับ ใบที่ผมใช้อีกเช่นเคยครับ คือ Tour Issue Rocketbladez Tour F Version สิ่งหนึ่งที่จับไม้ก่อนตีและรับได้เลยคือ น้ำหนักรวมที่เบาลงไปค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย จากการที่ตีทดสอบ ทั้ง เหล็ก 3 เหล็ก 5 เหล็ก 7 และ PW ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นก้านที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลและลอยง่ายมากๆ แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนชอบใช้ไม้ที่ค่อนข้างมีน้ำนหัก ผมจึงคิดว่ามันเบา และค่อนข้างลอยไปพอสมควร แต่ข้อดีของมันคือ ลอย แต่สู้ลมได้เป็นอย่างดี ครับ
ถ้าท่านใดกำลังตามหาก้านเหล็กที่ มีน้ำหนักเบา ลอยง่าย และ ให้ความนุ่นนวล ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 105 ตอบโจทย์มากครับ
Bill Haas |
Karrie Webb |
ก้าน N.S. Pro Modus3 Tour 125 และ N.S. Pro Modus3 Tour 105 เหมาะกับใคร?
ก้านทั้ง 2 รุ่นนี้ เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องการความรู้สึกก้านที่คล้ายๆ KBS TOUR กับ Dynamic Gold ที่มีความนุ่มนวลกว่า และ ตีสบายกว่า จะให้วิถีปานกลาง และ สปินที่ไม่มากและน้อยจนเกินไป
N.S. Pro Modus3 WEDGE
เมื่อพูดถึงก้านชุดเหล็กไปแล้ว หลายๆคนก็มักจะถามหาว่า "แล้วก้านเวจจะใส่ไรดีอะ ที่จะให้มันเข้ากันทั้ง set?" คำตอบ คือ ตัวนี้เลยครับ N.S. Pro Modus3 WEDGE รุ่นนี้เป็นก้านเวจ รุ่นล่าสุดที่เพิ่งออกสู่ตลาดมาเมื่อปี 2015 โดยผ่านการทดสอบในทัวร์มาแล้ว ตั้งแต่ปี 2012 ซึ่วก่อนหน้านี้ Nippon ได้ทำก้านเวจออกมารุ่นหนึ่งที่มีชื่อว่า N.S. Pro WV ซี่งเป็นก้านที่ทำพิเศษเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องของเวจโดยเฉพาะ จากการทดสอบใน PGA TOUR ทั่วโลก และ นักกอล์ฟสมัครเล่นติดต่อกันมา หลายปี Nippon ได้พบว่า ปัญหาขอเวจ ที่นักกอล์ฟเจอ คือ "วิถีลูกที่โด่งเกินไป เวลาที่ตีขึ้นกรีน กับ จังหวะการดีดอันไม่พึงประสงค์เวลาที่เล่นลูกข้างกรีน ซึ่งทำให้เกิดความยากในการกะน้ำหนัก"
เพราะเหตุนี้เอง Nippon จึงรวมข้อผิดพลาดทั้งหมดและ ทำก้านรุ่นนี้ออกมาเพื่อตอบโจทย์ และ เติมเต็มข้อด้อยทั้งหมดของการเล่นเวจที่ได้กล่าวไปครับ โดยการปรับผนังก้านเหล็ก (Wall Thickness) และ ใช้ เทคโนโลยี MHT ทีได้กล่าวไปในก่อนหน้านี้ ถ้าได้ใช้แล้ว เวลาตีขึ้นกรีนด้วยเวจ
!!!!!! บอลจะต่ำลง แน่นอนครับ !!!!!!
ก้านรุ่นนี้มีออกมาทั้งหมด 3 สเปค คือ (ตามรูปด้านล่าง)
N.S. Pro Modus3 WEDGE 105
N.S. Pro Modus3 WEDGE 115
N.S. Pro Modus3 WEDGE 125
จากการที่ผมได้ลองใช้ ผมว่า มันเหมือนเอาข้อดีของก้าน Project X และ Dyanamic Gold และ KBS Tour มาผสมรวมกันจนได้ก้านนี้ออกมา จากการที่ลองโยนข้างกรีน และ แอพโพช และ เล่นจากในทราย นั้น ผมบอกได้คำเดียวว่าให้ สปินที่ดีมากๆ และ บอลไม่โด่งจนเกินไปเวลาาตีช๊อตขึ้นกรีน
วิถีบอลต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ ก้าน Project X และ Dyanamic Gold และ KBS Tour
ความรู้สึกที่ก้านนี้ให้เวลาจับบนมือ มันเหมือนก้าน Project X ที่น้ำหนักอยู่ใกล้มือ ทำให้เรากะน้ำหนักได้ง่าย และมีจังหวะการดีด และ สปิน เหมือน Dyanamic Gold และ KBS Tour ซึ่งผมว่ามันตอบโจทย์ใครได้หลายๆคน
เวลาเล่นลูกสั้นกับก้านนี้ ไม่ต้องรอจังหวะดีดมากครับ มันจะมีจังหวะเข้าลูกที่ลงตัวของมันแบบบอกไม่ถูก ยิ่งเวลาเราต้องการที่จะเล่นลูก พิช แบบพุ่งๆติดสปินนี่ ก้านนี้เล่นได้ง่ายมากครับ มีความเสถียร แน่น และ ไม่กระด้างมือเวลาเข้าปะทะบอล ครับ
ดังนั้น เรื่องของก้านเวจ เราไม่ควรที่จะมองข้ามครับ เพราะมันมีผลมากๆถึงมากที่สุดกับการเล่นลูกสั้นของเรา
ทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องของก้าน ตระกูล Nippon N.S. Pro Modus3 ครับ ผมเชื่อว่ามันน่าจะเป็นก้านที่หลายๆท่านตามหามาเพื่อเติมเต็มการเล่นกอล์ฟของท่านกันอยู่เพื่อให้ ง่ายขึ้น และ ทำสกอร์ได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้น เวลาเราเลือกก้านเหล็กอย่าดูแต่ Spec Sheet อย่างเดียวนะครับ ควรจะหาลอง หรือ ปรึกษาผู้รู้ก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน เพราะถ้าเลือกถูกมันจะทำให้ท่านจบกันการโมดิฟายเหล็กครับ
ขอให้ทุกท่านสนุกกับการใช้ก้าน Nippon N.S. Pro Modus3 ใครที่คิดว่าก้านเหล็กในตลาดทั่วไปตียาก ก้านเหล็กรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้แน่นอนครับ